» » วัดใจ ตอนที่ 2

วัดใจ ตอนที่ 2

วัดใจ

      เมื่อวานได้เล่าให้ฟังถึง Heart Rate Zone ต่างๆไปแล้ว แต่ชีวิตการปั่นจริงๆมันคงไม่ได้มีแค่นั้นหรอกครับ อันนั้นเราก็เก็บไว้เป็นข้อมูล แล้วก็ใช้เป็น Reference เมื่อเราออกไปปั่นจริงๆ 

ก่อนอื่นเราคงต้องหาอุปกรณ์ที่เป็น Heart Rate Monitor มาไว้ใช้ก่อนนะครับ ซึ่งเจ้าตัวนี้ก็มีหลายยี่ห้อด้วยกัน เช่น ยี่ห้อ Polar ยี่ห้อ Runtastic ยี่ห้อ Garmin ประมาณนี้ที่ผมรู้จัก สนนราคาก็มีตั้งแต่ประมาณ 3000 ถึงหลักสองสามหมื่นบาทครับ อันนี้แล้วแต่ความสามารถของอุปกรณ์นั้นๆไป หากอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับอุปกรณ์พวกนี้ ก็สามารถ search หาใน Google ได้เลยนะครับ ในเมื่อไทยก็มีอยู่หลายเว็บที่ขายอุปกรณ์พวกนี้ สั่งซื้อผ่านเว็บ ชำระเงิน 2 วันก็มีพัศดุมาที่บ้าน ง่ายดีทีเดียวครับ ผมก็ใช้วิธีเดียวกันนี่ล่ะ สุดท้ายก็ได้เจ้า  Polar FT7 สีดำแดงมาใช้หลังจากเริ่มปั่นจักรยานได้ไม่กี่วัน

 

 

 

 

 

 

 

เปิดกล่องออกมา มันก็มีเจ้า FT7 กับ Heart Rate Sensor เป็นสายยาง เหมือนชุดชั้นในของผู้หญิง หน้าตาประมาณนี้ครับ

h1_heart_rate_sensor_500x500

 

 

 

 

 

 

 

 

รุ่นของมันคือ Polar H1 Sensor ครับ ซึ่งเจ้าตัวนี้จะส่งสัญญานการเต้นของหัวใจของเราไปที่เจ้า Polar FT7 โดยเริ่มต้นเราต้องมีการ Settings เจ้า Polar FT7 ก่อน ซึ่งก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ใส่วันเดือนปีเกิด ใส่น้ำหนัก เพื่อมันจะได้เอาไปคำนวณ Max Heart rate ที่บอกเมื่อวานล่ะครับ แต่เจ้าตัวนี้จะไม่มีการให้เราใส่ข้อมูล Rest heart rate แต่ก็ไม่เป็น เพราะตามความต้องการแล้ว ผมต้องการอยากรู้แค่ว่า หัวใจผมเต้นอยู่ที่อัตราเท่าไร ตอนปั่นจักรยาน และมันมีการเผาผลาญพลังงานไปเท่าไร ตลอด Session การปั่นจักรยาน ซึ่งถ้านับแค่นี้เจ้า Polar FT7 ราคา 3500 บาทก็สามารถตอบสนองความต้องการได้ครับ การใช้งานก็ไม่ยาก เมื่อสวมเจ้า H1 เหมือนใส่ชั้นใน เอาตัว Sensor ไว้ตรงลิ้นปี่ แล้วก็กดปุ่ม Start (ปุ่มตรงกลางทางขวา) เจ้า Polar FT7 ก็จะ detect หาสัญญานจาก Sensor พอเจอมันก็บอก signal OK พอปั่นถึงที่หมาย ก็กดปุ่มล่างทางซ้าย กดหนึ่งทีเป็น pause กดสองทีคือ Finish ง่ายนิดเดียวครับ

พอได้มาก็เห่อเลยครับ ใส่ตลอด เป็นนาฬิกาเลย แล้วก็ดูตลอด ปั่นไปดูไป ฮ่า ฮ่า..จริงๆแล้วไม่ต้องดูก็ได้ เพราะถ้ามีการเปลี่ยน Zone มันก็จะมีเสียงเตือน “ปี๊บ” แต่ก็เห่อล่ะน๊อ อยากจะดู จะดูตลอด จะเป็นไรไป

 

ปรากฏว่า แรกๆ หัวใจเต้นในอัตราที่สูงมากๆครับ ก็จะไม่สูงได้อย่างไรเล่า ในเมื่อไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเลย แล้วก็มาเริ่มปั่นจักรยานไกลเกือบ 25 กิโลเมตร ไปกลับเกือบ 50 กิโล หัวใจไม่วายก็บุญแล้วครับ และเมื่อดูจากเจ้า FT7 ก็เกิดความลิงโลดใจเป็นการใหญ่ครับ เพราะอะไรน่ะรึ ก็ข้อมูลการเผาผลาญพลังงาน มันบอกว่า 90 นาทีที่ปั่นมาเนี่ย มันเผาไปได้ 900+ กิโลแคลอรี่เลยนะเออ อย่างนี้ไม่นานผอมแน่ ตามกฏ ใช้พลังงาน มากกว่ารับพลังงาน

ก็ลิงโลดใจอยู่นานครับ จนน้ำหนักลดลงไป 5 กิโลภายใน 3 เดือนอย่างที่เคยเล่าให้ฟังนั่นล่ะครับ แต่ก็มาตะหงิดใจนิดหน่อยว่า ข้อมูลจากเจ้า Polar FT7 ในเรื่องการเผาผลาญพลังงาน กับข้อมูลที่ได้จาก App บน iPhone ทั้งเจ้า Runtastic Road Bike Pro กับ Strava ดันให้ข้อมูลการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งเกิดจากการคำนวณ ที่ไม่ได้ใช้ข้อมูล Heart rate ของเรา มันดันต่างกัน ก็ไม่รู้ว่ามันเอาข้อมูลที่ไหนอะไรบ้างมาคำนวณ แต่ app ทั้งสองตัวให้ผลของการเผาผลาญพลังงานที่เท่าๆกัน แต่ที่สำคัญคือ มันบอกว่าเผาได้แค่ 500 กิโลแคลอรี่เท่านั้น

เอาล่ะซี ทีนี้จะเชื่อใครดีครับ ถ้าพิจารณาตามหลัก “เสียงข้างมาก” ก็คงต้องบอกว่า ต้องเชื่อ app บน iPhone ล่ะ

กลับไปที่ Google อีกครั้ง ที่นี้ต้องหาอุปกรณ์ที่มันสามารถเชื่อมต่อ Heart rate ไปยัง iPhone ให้ได้ และสุดท้ายก็กลับไปที่ Polar เจ้าเดิม  และก็ได้ H7 heart rate sensor มา ด้วยวิธีการเดิม คือสั่งทาง internet จ่ายเงิน รอรับพัศดุ

เจ้า H7 หน้าตาเหมือน H1 เลยครับ ต่างกันตรงมีคำว่า Bluetooth สีฟ้าๆเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง ครับ คือมันสามารถส่งสัญญาน Heart rate ของผมไปยัง iPhone ได้ ผ่านทาง bluetooth นั่นเอง แต่ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายมันไปอีกเกือบ 3000

การใช้งานก็เหมือนเดิมครับ เพียงแต่เพิ่มการไป setup ใน app ทั้งสองตัว ให้เชื่อมต่อกับ heart rate monitor เป็น bluetooth sensor แค่นั้นเอง ส่วนเจ้า FT7 ยังเหมือนเดิม กดปุ่ม มันก็ “หากันจนเจอ” เหมือนเดิม

การมีเจ้า Polar H7 Sensor ทำให้ได้ภาพอย่างภาพแรกนั่นเลยครับ มันบอกด้วยว่า เราปั่นอยู่ใน Zone ไหน เป็นเวลาเท่าไรกี่เปอร์เซนต์ ส่วนการเผาผลาญพลังงาน ผมว่ามันอาจจะคำนวณได้แม่นขึ้น แม่นขึ้นแบบว่า พอมีข้อมูล heart rate มันคำนวณแล้ว ปรากฏว่ามีการเผาพลังงานไปไม่ถึง 500 กิโลแคลลอรี่ด้วยซ้ำ จะไม่เชื่อมันก็ไม่ได้ เพราะมันคำนวญได้เท่ากันกับ Strava ซึ่งเชื่อได้ว่า มันไม่ได้ลอกการบ้านกันแน่นอน

นั่นคือพลังงานที่ใช้ไปที่ใกล้เคียงที่สุดที่น่าเชื่อถือได้แล้วล่ะ 

 

ย้อนกลับไปที่การลดน้ำหนัก สำหรับตัวผม 1 วันสำหรับปั่นจักรยาน จะเผาได้ประมาณ 1000 กิโลแคลอรี่ แต่กลับถึงบ้านเหนื่อยโฮก มักจะกินข้าวมื้อเย็นอย่างน้อย 2 จาน คิดคร่าวๆ ที่รับเข้าไปก็คงประมาณ 1000 เลยเดาเอาว่า ตามสูตร ได้รับพลังงาน น่าจะ “เท่ากับ” ใช้พลังงาน น้ำหนักก็เลยยังไม่ลดลงเท่าไรเลยอย่างที่เห็น

แต่ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็ Keep Riding ต่อไป อย่างน้อยร่างกายก็ฟิตล่ะครับ

 

เพื่อนๆล่ะครับ ใช้ Heart rate monitor ตัวไหนกันอยุ่ แล้วอัตราเผาผลาญพลังงานตอนปั่นจักรยานเป็นอย่างไรบ้าง เอามาเล่าให้ฟังหน่อย แชร์กันนะครับ

ถ้าชอบใจ Share เล๊ย
  • 10
  •  
  •  
  •  
  •  
  • 10
  •  
  •  
  •  
  •  

Comments

comments