เพื่อนๆที่ทำงานย่านใจกลางเมืองคงมีโอกาสได้เห็นสถานีจักรยานปันปั่นกันบ้างใช่ไหมครับ บางคนอาจจะเคยเห็นมีคนใช้บริการปั่นร่วมทางกันบ้าง หรือเพื่อนๆบางคนอาจจะเคยได้ใช้บริการด้วยตัวเองแล้วก็ได้ ในฐานะที่ผมเป็นผู้คว่ำหวอดในวงการปั่นจักรยานบนถนนในกรุงเทพ ซึ่งถือเป็นลูกค้าโดยตรงของโครงการปันปั่น ก็เลยต้องเป็นสมาชิกและใช้บริการตามเจตนารมย์กับเขาบ้าง เรื่องนี้เริ่มต้นที่สถานีปันปั่นถนนสาทรครับ
ที่มันเริ่มตรงนี้เพราะผมไม่ได้เข้าเว็บไซต์ punpunbikeshare ก่อนที่จะไปใช้บริการ และคิดเอาเองว่า ทุกๆสถานีจะต้องสามารถสมัครเพื่อรับบริการได้ทันที แต่พอไปถึง ผมไม่พบใครเลยซักคนเดียว เจอแต่จักรยาน จอดล๊อคอยู่ดังในรูป พร้อมกับบอร์ดแจ้งจุดให้บริการหรือสถานีปันปั่น แล้วผมทำไงดีล่ะครับ
ผมเดินไปที่ตู้ kiosk ที่ตั้งอยู่ที่สถานี ซึ่งตู้นี้จะเป็นตู้ที่ไว้ให้ผู้ใช้บริการที่มีบัตร สามารถยืมจักรยาน และสามารถเติมเงินได้ แต่ผมไม่มีบัตร สิ่งที่ผมจะทำได้ก็คือโทรไปที่ Punpun Hotline 087 029 8888 และปลายสายให้ข้อมูลว่า ถ้าผมต้องการจะสมัคร สามารถสมัครได้ที่สถานีปันปั้นที่ตั้งอยู่บนถนนพญาไท ตรงคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ไหนๆก็ไหนๆ วันนี้จะต้องปั่นจักรยานปันปั่นของกทม. ให้สมกับเป็นคนเมืองกทม.ให้จงได้ ผมกดวางโทรศัพท์ โบกพี่แว๊นจากสาทรไปจุฬาฯ
พอไปถึงสถานีปันปั่นที่จุฬาฯ ผมพบเจ้าหน้าที่ปันปั่นใส่เสื้อสีเดียวกับสถานีและจักรยานนั่งอยู่ 1 คนพร้อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ผมแจ้งความจำนงค์ว่าต้องการสมัครเป็นสมาชิกปันปั่น เธอถามผมว่าสมัครผ่านทางเว็บมาหรือยัง ถ้ายัง ผมต้องกรอกฟอร์มให้เรียบร้อย พร้อมกับแสดงบัตรประจำตัวประชาชนด้วย
พอกรอกฟอร์มเสร็จ เธอเอาเอกสารไปตรวจ แล้วกรอกข้อมูลลงไปในคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ขอถ่ายรูปผมด้วย
เธอบอกผมว่า ถ้าผมสมัครมาแล้วทางหน้าเว็บไซต์ ผมก็สามารถเอารูปของตัวเองที่หล่อที่สุดมาใส่ได้เอง แล้วก็ทำการนัดหมายว่า ผมจะรับบัตรสมาชิกได้ที่สถานีปันปั่นใด เจ้าหน้าที่จะนำไปส่งให้ เธอขอเก็บเงินผม 320 บาท เป็นค่าสมาชิก ซึ่งเงินจำนวนนี้จะมี 100 บาทที่สามารถใช้เป็นค่าเช่าได้
เธอเอาบัตรยื่นให้ผม และให้ผมเขียนเขียนตัวเลข PIN 4 ตัวเหมือนรหัส ATM เพื่อใช้ในการเช่าจักรยานที่ตู้ Kiosk ซึ่งนอกจากบัตรนี้จะใช้เป็นบัตรยืมจักรยานปันปั่นแล้ว ยังมีสิทธิประโยชน์ทางการประกันภายด้วย
ผมถามเจ้าหน้าที่ต่อว่า มีสมาชิกมากน้อยแค่ไหนแล้ว เธอบอกว่า สมาชิกทั้งระบบน่าจะอยู่ที่ประมาณ 9,000 คนแล้ว ซึ่งส่วนมากจะสมัครตั้งแต่ตอนเริ่มต้นโครงการ ที่ไม่เสียค่าสมัคร เธอบอกว่า ตอนนี้บัตรยังอยู่กับเธอเยอะเลย เพราะสมัครฟรีแล้วก็ไม่มาเอา ผมถามต่อว่า แล้วคนใช้บริการเยอะไหม เธอเล่าว่า สถานีปันปั่นถนนวิทยุ เป็นสถานีที่มีอัตราการใช้บริการมากที่สุด รถไม่พอต้องต่อคิวรอเลยทีเดียว ส่วนสถานีอื่นก็มีบ้างประปราย
พอได้บัตร ผมก็จัดการเช่าจักรยานที่ตู้ kiosk กันเลย ก็ง่ายๆครับ เลือกว่าเช่าจักรยาน (มีให้เลือกเติมเงินด้วย) เอาบัตรแตะ กด PIN 4 ตัว เลือกว่าจะเอาจักรยานคันไหน ไฟที่แท่นล็อคจักรยานก็จะติดขึ้นเป็นสีแดง เราก็เอาบัตรไปแตะที่ตรงไฟแดงๆนั้น แท่นก็จะปลดล็อค เราเอาจักรยานออกมาได้
จักรยานนี้เขาบอกว่าออกแบบโดยคนไทย เพื่อสรีระคนไทย มีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยมาตรฐาน (แถมมีโฆษณาติดมาด้วย) เบาะก็สามารถปรับได้ ซึ่งตรงนี้ผมว่าสำคัญที่สุด การที่ปั่นจักรยานแล้วเบาะเตี้ยหรือสูงเกินไป ทำให้เมื่อย ไม่ใช่แค่ปั่นไม่สนุก แต่จะไม่อยากปั่นไปเลยทีเดียว
ก่อนจากกันผมถามเธอเพิ่มเติมว่า ไม่มีโครงการที่จะมีหมวกกันน๊อคมาให้เช่าพร้อมกับจักรยานหรือ เพื่อความปลอดภัย เธอบอกว่า มีโครงการที่จะแจก แต่ไม่มีโครงการที่จะให้เช่า เพราะผู้ใช้มีความกังวลเรื่องความสะอาด ไม่อยากใช้ร่วมกัน ผมก็เลยแสดงความเห็นกับเธอไปว่า ใครที่เขากังวลเรื่องความสะอาด เขาก็คงเลือกที่จะไม่เช่า แต่ถ้าใครเขากังวลเรื่องความปลอดภัย ก็น่าจะมีเหมือนกัน ก็เป็นวิจารณญานของเขาเอง แต่ถ้าใครกังวลเรื่องความปลอดภัย ไปไหนมาไหนใช้ปันปั่นจะถือหมวกมาเองก็ใช่ที่ เช่นจะปั่นจักรยานไปกินก๋วยเตี๋ยว ห่างออกไปซัก 2 กิโล แต่ต้องถือหมวกไปด้วย เช่าปันปั่นไป เพราะอุบัติเหตุมันไม่สามารถบอกได้ว่า ใกล้ๆจะไม่เกิดซะที่ไหน
ผมเริ่มปั่นจากถนนพญาไท เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระรามสี่ ติดไฟแดงที่แยกถนนอังรีฯ จากคนที่เคยปั่นจักรยานมีเกียร์ ที่สามารถดึงเร่งความเร็วได้เกือบจะตามใจ การปั่นจักรยานปันปั่น จึงออกอารมณ์ไม่ทันใจ จนออกไปทางไม่มั่นใจ ออกจากไฟแดงก็ช้า ทำให้ดูเหมือนเป็นภาระให้กับรถยนต์คันอื่น ยิ่งยากหนักเมื่อต้องเข้าเลนขวาเพื่อที่จะเลี้ยวเข้าสีลม เพราะจักรยานที่ปั่นได้ช้า จึงไม่สามารถที่จะปั่นบนถนนไปเลนขวาได้ ต้องไปรอข้ามพร้อมคนเดินเท้าที่ทางม้าลายตรงแยกไฟแดง ซึ่งก็จะขัดกับวิสัยที่ปั่นจักรยานประจำวันอยู่มาก
ผมปั่นเข้าซอยศาลาแดง ไปทะลุออกทางฝั่งสาทร แล้วเอาจักรยานปันปั่นไปคืนที่สถานีฯ ริมถนนสาทร แล้วเดินย้อนกลับมาหน่อย ก็ถึงที่ทำงาน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที นั่นหมายถึงผมไม่เสียค่าเช่า เนื่องจากค่าเช่าจะคิดก็ต่อเมื่อใช้งานตั้งแต่ 15-60 นาที คิด 10 บาท และถ้า 1-3 ชม. คิด 20 บาท 3-5 ชม. คิด 40 บาท 5-6 ชม. คิด 60 บาท 6-8 ชม. คิด 80 บาท ส่วนใครจะเอาไปปั่น audax ก็คิด 100 บาทครับ
สิ่งที่ผมชอบ จักรยานปั่นลื่นดี อานปรับได้ ไม่เมื่อย
สิ่งที่ผมไม่ชอบ คือตัวผมเอง ที่ติดนิสัยปั่นร่วมกับรถยนต์อื่นๆบนถนน ที่จักรยานปันปั่นไม่สามารถจะทำได้
สิ่งที่ควรปรับปรุง ควรมีบริการให้เช่าหมวกกันน็อคด้วย เพื่อความปลอดภัยใกล้ไกลก็เสี่ยงเหมือนกัน
เพื่อนๆล่ะครับ ไปลองปั่นกันมาหรือยัง ได้ฟิลลิ่งแบบไหนบ้าง ลองเล่าให้ฟังบ้างสิครับ