ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะครับว่าในชีวิตผมที่อายุผ่านครึ่งคนมาแล้ว จะมีถ้วยรางวัลกับเขาแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น
ถ้วยรางวัลนี่ ถ้าจะได้มาก็ต้องได้จากการชนะในการแข่งขันกีฬานะครับ พวกแข่งสวดมนต์สรภัญญะ ประกวดคัดลายมือ หรือวาดรูปในหัวข้อเรื่อง โรงเรียนของฉัน ถ้าชนะจะได้รับเป็นใบประกาศ ซึ่งตั้งแต่เล็กจนโตของผม พูดก็จะหาว่าคุย ถ้าจะเอาประกาศมาแปะข้างฝาบ้านขนาด 3×5 เมตรนี่ก็น่าจะเกือบเต็มอยู่เหมือนกัน
ผมมาเริ่มเล่นกีฬาแบบแข่งขันจริงๆจังๆก็ตอนอยู่ ม.ปลายแล้วครับ ในการแข่งขันกีฬาคณะสี ได้รับการคัดเลือกแกมบังคับในลงแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล และสีฟ้าได้ที่ 4 จากทั้งหมด 4 คณะสี ชวดได้ถ้วยรางวัลไปอย่างฉิวเฉียด
พอเข้ามหาวิทยาลัย ผมยังติดใจการเล่นกีฬาเพื่อแข่งขัน ในกีฬาน้องใหม่ผมลงเป็นตัวแทนน้องใหม่ของคณะ เล่นฟุตบอล พูดก็จะหาว่าคุย ก่อนการแข่งขันรอบแรก ก็ไปอุ่นเครื่องกับคณะโน้นนี่นั่น ไม่แพ้เลยแม้แต่นัดเดียว จับฉลากรอบแรกได้เตะกับคณะอักษรศาสตร์ โหย เอามือลูบปากเลย หวานหมู ที่ไหนได้ แพ้ครับ แพ้อักษรศาสตร์ และหลังจากนั้นจนทุกวันนี้ เวลามีการอ้างถึงทีมฟุตบอลน้องใหม่รุ่นผม เขาจะพากันเรียกว่า “รุ่นแพ้อักษร”
ปีที่เป็นน้องใหม่ผ่านไป ผมก็ยังไม่มีถ้วยรางวัลซักชิ้น
ปี 2 ปี 3 ปี 4 ผมก็ลงแข่งกีฬาระหว่างคณะทุกปีครับ ลงทั้งกรีฑา ตะกร้อ รักบี้ มวยสากลสมัครเล่นก็ด้วย แต่จนแล้วจนรอด จบรับปริญญา ผมก็ยังมีถ้วยรางวัลมาวางไว้หลังตู้กับเขาซักชิ้น
แล้วถ้วยรางวัลถ้วยแรกและถ้วยเดียวตลอดชีวิตผมก็มา เมื่อเวลาผ่านไปหลังจากเรียนจบมาแล้วเป็นเวลา 10 ปี
เมื่อเริ่มหัดเล่นกอล์ฟ และก็มีรายการการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางอยู่เนืองๆในวงธุรกิจ ผมเข้าร่วมการแข่งกับเขาด้วยหลายสิบรายการในเวลา 3-4 ปีที่เล่นกอล์ฟ จนมาได้รับถ้วยรางวัลเอาในรายการหนึ่ง
ถ้วยรางวัลที่ผมได้มีหน้าตาแบบนี้ครับ

ผมถือกลับมาบ้าน ลูกสาวผมซึ่งตอนนั้นอายุซักประมาณ 2 ขวบกว่าๆชอบใจเอามากๆ ซึ่งเธอก็ไม่รู้หรอก ว่าถ้วยรางวัลที่พ่อได้กลับบ้านมานี้หมายถึงอะไร เธอเพียรหยิบเอามาเล่นอยู่บ่อยๆ และวันหนึ่งถ้วยรางวัลชิ้นหนึ่งและชิ้นเดียวของผมก็ตกลงกระแทกพื้น แตกเป็นชิ้น เหลือไว้เพียงความทรงจำ
เมื่อผมกำเงินไปซื้อจักรยานและใช้ปั่นเดินทางจากบ้านและที่ทำงาน และไม่ได้เป็นนักปั่นจักรยานสายกีฬา จึงไม่เคยเข้าแข่งขันในรายการระดับสมัครเล่นใดๆเลย โอกาสที่ผมจะได้ถ้วยรางวัลก็คงไม่มีแล้วล่ะครับ ซึ่งจะว่าไป แม้จะไปแข่งกับเขาซักที โอกาสชนะจนได้ถ้วยรางวัลนั้นก็คงจะไม่มีเช่นกัน
แต่เมื่อเริ่มมีความคิด ที่อยากจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนใช้จักรยานในการเดินทาง ในชีวิตประจำวัน เป็น Bangkok bike rider จนมาทำเว็บไซต์นี้ ผมก็นึกถึง “ถ้วยรางวัล” อีกแบบหนึ่งครับ
เป็นถ้วยรางวัลที่ไม่ได้หมายถึง ชัยชนะ แต่เป็นถ้วยรางวัลที่หมายถึง ความสำเร็จ ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน
มันคือความสำเร็จที่เกิดจาก การสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ใครซักคน เปลี่ยนตัวเองมาใช้จักรยานอย่างที่ผมทำ และเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆอีกต่อไป
เป็น MLM – MULTI LEVEL MOTIVATION
ถ้วยรางวัลแรกของผมคือพ่อหนุ่มในภาพด้านบนครับ เป็นนักปั่นน่องเหล็กจากที่ราบสูง เคยปั่นจากสกลนครไปเชียงคานคนเดียวมาแล้ว บ้านเขากับที่ทำงานใกล้กว่าบ้านผมครึ่งต่อครึ่ง ผมชวนเขาให้ปั่นมาทำงาน เขาก็บ่ายเบี่ยงอยู่นาน จนเมื่อปีที่แล้ว ช่วงปลายๆปีอากาศเย็นๆ เขาก็จับจักรยานออกมาปั่นไปทำงาน จนเดี๋ยวนี้ก็ปั่นมาอยู่เนืองๆ สัปดาห์ละวันหรือสองวันแล้วแต่โอกาสจะเหมาะ
ถ้าจะพูดแบบ MLM พ่อหนุ่มคนนี้ก็คือ Downline คนแรกของผม
และก็ถ้วยรางวัลถ้วยที่สอง คนนี้ผมเดินผ่านโต๊ะทำงานเขาเกือบทุกวันเพื่อไปอาบน้ำ ขาไปตัวเหม็นๆ ก็แวะคุย เล่าให้ฟังเกี่ยวกับการปั่นจักรยานวันนี้เสียหน่อย ขากลับจากอาบน้ำตัวหอมๆ ก็เล่าโน่นเล่านี่อีก บางวันเขาก็ถามบ้าง จนวันหนึ่งเขาก็เอาจักรยานมาใช้ ปั่นจากบ้านมาขึ้นรถไฟ แล้วก็ปั่นจากหัวลำโพงมาที่ทำงาน จนเมื่อวานนี้ ตอนผมหอบสบู่จะไปอาบน้ำ น้องเขามาดักหน้าผม แล้วบอกกับผมว่า เขาได้ปั่นจักรยานจากบ้านที่รังสิตมาถึงที่ทำงานที่สาทรแล้วในเช้าวันนี้ รวมระยะทาง 42 กิโลเมตร
“ทีแรกผมก็นึกว่าจะน่ากลัวกว่านี้ จริงๆแล้วไม่น่ากลัวเท่าไรเลยครับ สนุกเสียด้วยซ้ำ”
ถ้วยรางวัลที่ได้ตั้งโชว์อยู่ในตู้อาจจะทำให้ใครหลายๆคนภูมิใจในความพยายามที่ได้ฝึกฝนจนสามารถแข่งขันชนะคนอื่นและคว้ามันมาได้ แต่สำหรับผมแล้ว การที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นเอาชนะใจและเปลี่ยนแปลงตัวเขาเองได้นั้น มันท้าทายและภูมิใจเป็นที่สุด
ปล. ถ้วยรางวัลของผมเอาตั้งโชว์ในตู้ไม่ได้ แต่ถ้ายรูปคู่เก็บไว้ได้ และถ้าต่อไปมีมากๆเข้า คงจะต้องเอาไปแปะข้างฝาขนาด 3×5 เมตรอีกด้านหนึ่งของใบประกาศประกวดสวดมนต์สรภัญญะ